วันของนายลืมง่าย

เช้าวันจันทร์ พระอาทิตย์ยังไม่ทันโผล่พ้นขอบฟ้า ชายคนหนึ่งก็ตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าหนักแน่น ใจแน่วแน่ เขาลุกพรวดขึ้นจากเตียงด้วยความมุ่งมั่นในหัวใจว่า วันนี้ ฉันจะไม่ลืมอะไรอีกต่อไปแล้ว

เขาคือนายสมชาย ผู้มีสถิติ “ลืม” ในระดับตำนาน ลืมกระเป๋าสตางค์ ลืมมือถือ ลืมรองเท้า (ใช่, เคยออกจากบ้านโดยใส่แค่ถุงเท้า) ลืมแม้กระทั่งว่าวันนี้วันอะไร และบางวันก็ลืมว่าตัวเองตั้งใจจะไม่ลืมอะไรอีก

แต่วันนี้ไม่เหมือนวันอื่น

เขาเริ่มต้นด้วยการลุกขึ้นจากเตียง เดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า และแปรงฟันตามลำดับ เขาภูมิใจในตัวเองมากเมื่อสังเกตว่าเขาไม่ได้ลืมหยิบแปรงสีฟันผิดหลอดเหมือนวันก่อนที่ใช้ครีมโกนหนวดแปรงแทน

หลังแต่งตัวเสร็จ เขาหยิบกางเกงสแลคตัวโปรดและเชิ้ตสีขาวรีดเรียบ เขาใส่นาฬิกา หยิบกุญแจบ้าน หยิบกระเป๋าเงิน…และยืนยิ้มอยู่หน้ากระจกอย่างภูมิใจ

จากนั้นเขาก็ออกจากบ้าน

เขาเดินไปยังรถยนต์คู่ใจที่จอดอยู่หน้าบ้าน หยิบกุญแจจากกระเป๋ากางเกง…แล้วหน้าซีด

กุญแจรถไม่อยู่

เขาค้นกระเป๋าซ้ำแล้วซ้ำอีก ล้วงเข้าไปลึกจนเกือบจะกลายเป็นการเล่นกล เขารีบวิ่งกลับเข้าบ้าน เดินวนหาอยู่พักหนึ่ง จนในที่สุดพบว่ากุญแจรถอยู่…บนชั้นวางของข้างกระจกเงา ที่เขา “วางไว้กันลืม”

ตอนนี้สายตาของเขามองนาฬิกาอีกครั้ง เขาเริ่มกังวลเรื่องเวลา

ในที่สุดก็ได้ออกจากบ้านอย่างจริงจังอีกครั้ง รถสตาร์ทได้ไม่มีปัญหา (เพราะเมื่อวานเขาจำได้ว่าลืมเติมน้ำมันเลยเติมไว้ล่วงหน้า) เขาขับรถออกไปพร้อมเพลงแจ๊สเบาๆ ที่ทำให้เช้าแห่งการเริ่มต้นใหม่นี้ดูมีความหมายขึ้นมา

เขาเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ฝ่าการจราจรตอนเช้าอย่างใจเย็น ขณะหยุดไฟแดง เขานึกขึ้นมาได้ว่าลืมเอาเอกสารสำคัญที่ต้องใช้ในการประชุม

เขาเริ่มมีสีหน้าเหยเก มือควานไปเบาะหลัง…และยิ้มกว้างทันที

เอกสารอยู่ตรงนั้น — แพ็กใส่แฟ้มเรียบร้อย ด้วยความตั้งใจล่วงหน้าเมื่อคืนนี้

เขาเริ่มคิดในใจว่า วันนี้อาจจะเป็น “วันแห่งชัยชนะ” ของเขาก็ได้

เมื่อถึงออฟฟิศ เขาเดินอย่างมั่นใจเข้าไปในตึก พร้อมท่าทางสง่างามราวกับผู้บริหารระดับสูง พนักงานยกมือไหว้ เขาก็ยกยิ้มสุภาพ และเดินตรงไปยังลิฟต์

ประตูลิฟต์เปิดออก เขาเดินเข้าไปพร้อมคนอีกสองสามคน ยืนสงบ รอจนลิฟต์ถึงชั้นทำงาน เขาออกจากลิฟต์ เดินตรงไปยังโต๊ะทำงาน และเริ่มเตรียมตัวประชุม

เขานั่งลง เปิดโน้ตบุ๊ก หยิบแฟ้มเอกสารออกมาจัดเรียง และหยิบมือถือขึ้นมาเช็กอีเมล

แต่…

มือถือ…หายไป

เขาควานหาในกระเป๋าทุกช่อง ล้วงเข้าไปใต้โต๊ะ เปิดกระเป๋าเอกสารทุกซอก ยังไงก็หาไม่เจอ

เขาตั้งสติ ทบทวนเส้นทางทุกอย่างตั้งแต่บ้าน

เขานึกถึงตอนขับรถ…ใช่! เขาเปิดเพลงผ่าน Bluetooth แปลว่ามือถือน่าจะอยู่ในรถ

เขาหยิบกุญแจแล้วรีบลงไปที่ลานจอดรถ เดินตรงไปยังรถของตัวเอง เปิดประตู หยิบมือถือออกมาอย่างรวดเร็ว และถอนหายใจอย่างโล่งอก

เมื่อกลับถึงโต๊ะทำงานอีกครั้ง เขาเห็นกาแฟที่ลูกน้องซื้อให้วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับโน้ตเขียนไว้ว่า “ประชุม 10 โมง ห้อง B2 อย่าลืม!”

เขามองนาฬิกา — 9:57 น.

เขารีบคว้าเอกสาร มือถือ และกาแฟ พุ่งออกจากโต๊ะไปที่ห้องประชุม B2 อย่างว่องไว ราวกับซูเปอร์ฮีโร่ของสายงานออฟฟิศ

เขามาถึงหน้าห้องพอดีกับที่ประตูเปิด เขาเข้าไปนั่งตรงตำแหน่งของตัวเอง วางเอกสารอย่างมั่นใจ และเปิดโน้ตบุ๊กเตรียมพรีเซนต์

แล้วเขาก็นั่งรอ…

นั่งรอ…

และนั่งรอ…

ผ่านไป 15 นาที ไม่มีใครมา

เขางง เริ่มเปิดมือถือดูปฏิทินประชุม

สิ่งที่เขาเห็นทำให้เลือดในกายเย็นวาบ

ประชุม B2…วันพรุ่งนี้!

เขานั่งนิ่ง รู้สึกเหมือนความหวังทั้งหมดถูกดูดไปกับสายลม

เขาลุกขึ้น เดินกลับโต๊ะเงียบๆ ระหว่างทางมีเพื่อนร่วมงานเดินผ่านแล้วยิ้มให้ เขาก็ยิ้มตอบแบบฝืดๆ และเมื่อถึงโต๊ะ เขานั่งลง เอาหน้าฟุบลงบนแฟ้มเอกสารอย่างอ่อนแรง

หลังจากสูดหายใจลึก เขาลุกขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ตั้งใจจะไม่ปล่อยให้ช่วงเวลาที่เหลือของวันเสียเปล่า

เขาตัดสินใจจะออกไปกินข้าวเที่ยงข้างนอก เปลี่ยนบรรยากาศ รีเซ็ตตัวเอง

เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ หยิบมือถือ และเดินออกไปอย่างมั่นใจอีกครั้ง

เขาเดินไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำ นั่งลง และเปิดเมนู…แต่รู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ

เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อเอาเงิน…

กระเป๋าสตางค์…หายอีกแล้ว!

เขารีบหยิบมือถือโทรหาเพื่อนร่วมงานเพื่อขอยืมเงินชั่วคราว…แต่พบว่ามือถือที่เขาหยิบมานั้น…คือรีโมทแอร์จากบ้าน!

เขม้นหน้ามองไปที่กระจกในร้านอย่างหมดอาลัย แล้วหัวเราะเบาๆ กับเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่

ตอนบ่ายเขากลับมาที่โต๊ะทำงานอย่างห่อเหี่ยว เดินผ่านเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งกลับจากกินข้าวพร้อมถุงขนม และมีคนยื่นขนมให้เขา เขายิ้มรับและขอบใจในใจ

เขาตัดสินใจจะโฟกัสกับงาน เพื่อชดเชยความวุ่นวายที่เกิดขึ้น

แต่เมื่อเปิดคอมขึ้นอีกครั้ง…

เขานึกขึ้นได้ว่า…เขาลืมเอาชาร์จแบตโน้ตบุ๊กมา

เครื่องดับในเวลาไม่ถึง 2 นาที

เขานั่งนิ่ง มองไปยังหน้าต่างบานใหญ่ เห็นฟ้าที่เริ่มครึ้ม ลมเย็นพัดเข้ามาเบาๆ เหมือนจะปลอบใจ

ตอนเย็น เขาขับรถกลับบ้านโดยไร้ความหวังว่าจะ “จำอะไรได้อีก”

เมื่อถึงหน้าบ้าน เขาเปิดประตูรถ…และตกใจ

เขาลืมกุญแจบ้านไว้ที่ออฟฟิศ

เขาเอาหลังพิงรถ สูดหายใจลึก และปล่อยเสียงหัวเราะแบบแห้งแล้งออกมาอย่างช้าๆ

เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความยอมรับ

เพราะเขารู้ว่า…

มันคืออีกวันปกติของ “นายลืมง่าย” นั่นเอง

สวัสดีเพื่อนรัก 🤣

หวังว่าคุณจะชอบความสนุกในแอพของเรา หากคุณชอบแอพของเรา คุณสามารถติดตามเรา เพื่ออัพเดทข่าวสาร และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น